
เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่ซอยนวลจันทร์ 56 แยก 5 กลุ่ม กรุงเทพมหานคร
นายสมโภชน์ทับเจริญ กรุงเทพมหานครนายสมโภชน์ทับเจริญอายุ 61 ปีเจ้าของฟาร์มได้เปิดเผยว่า
ภาพประกอบบทความจาก posttoday
ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นนักวิชาการทางการเกษตรแต่ตนและภรรยานั้นยอมทิ้งรายได้รวมกันกว่าปีละหลักล้านบาทจากเงินเดือนประจำและขอลาออกจากงานราชการในปีพ.ศ 2557
เพื่อมาเปิดฟาร์มกลางเมือง กรุงเทพฯ
ภาพประกอบบทความจาก posttoday
เปิดมาแล้วกว่า 4 ปีบนที่ดินมรดกจากคุณพ่อสำหรับแรงบันดาลใจเกิดจากที่ตนโตมากับครอบครัวที่ทำเกษตรจึงมีความใฝ่ฝันอยากกลับบ้านมาทำเกษตรอีกครั้งโดยใช้ความรู้ที่เคยทำงานวิจัย
สมัยเป็นนักวิชาการมาประกอบในการทำสวนแบบผสม
โดยปลูกพืชหลายชนิดอยู่ในตัวเดียวกันอาทิเช่นมะม่วงถั่วข้าวรวมถึงการขุดบ่อเลี้ยงปลาทำการเกษตรแบบหมุนเวียนและได้นำแนวพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องเกษตรพอเพียงมาประยุกต์ใช้และปลูกพืชขายเป็นอาชีพหลักรวมถึงยังได้เปิดร้านอาหารโดยใช้ผลผลิตจากภายในฟาร์มมุ่งเน้นโดยการใช้ผักปลอดสารพิษภายในร้าน
ภาพประกอบบทความจาก posttoday
เพื่อให้ผู้บริโภคปลอดภัยซึ่งพื้นที่การเกษตรของตนมีพื้นที่กว้างกว่า 50 ไร่โดยในอนาคตอยากเปิดฟาร์มให้เป็นฟาร์มสเตย์โดยให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาพักผ่อนได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบบ้านนอกแต่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาเดินทางไม่นาน
ทั้งนี้นายสมโภชน์ยังได้กล่าวต่ออีกว่าก่อนหน้านี้มีนายทุนเคยมาขอซื้อพี่เพื่อที่จะสร้างคอนโดมิเนียมเสนอราคาไร่ละ 30 ล้านบาทซึ่งรวมเป็นมูลค่าที่ดินจะสามารถสร้างเงินได้ถึง 1.5 พันล้านบาท แต่ตนก็ปฏิเสธไปเพราะคิดว่าแม้จะมีเงินเยอะมากมายเพียงใด ตนก็มีความสุขกับการได้ทำไร่ทำนาได้ออกแรงและลงมือปฏิบัติเพื่อให้คนอื่นได้มาตักตวงความสุขจากสิ่งที่ตนเองทำ
ภาพประกอบบทความจาก posttoday
เพื่อให้คนอื่นได้มาตักตวงความสุขจากสิ่งที่ตนเองนั้นได้ลงมือทำโดยที่ดินของตนเองนั้นจะมีมูลค่ามากขึ้นและราคาสูงขึ้นทุกวันในระหว่างนี้ขอใช้ที่ดินผืนนี้เพื่อตักตวงความสุขจากการทำการเกษตรส่วนใครจะคิดว่าถ้ามีเงินแล้วจะซื้อความสุขมันก็เป็นเรื่องของเขาเพราะความสุขของแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกันเลยจริงๆ
ภาพประกอบบทความจาก
ภาพประกอบบทความจาก posttoday
ขอบคุณที่มา : taibann.com